วันอังคารที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2557

ร้อยเรื่องราว ผ่านเรื่องเล่าวรรณกรรม


        "ครอบครัวกลางถนน" เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นสะท้อนภาพชีวิตคนเมืองในสังคมปันจุบันซึ่งกำลังเผชิญปัญหาครอบครัว เศรษฐกิจและการเมือง มาถ่ายทอดเป็นเรื่องสั้นจำนวนทั้งหมด 13 เรื่อง

- ขาซ้ายของแม่
เด็กหนุ่มจากบ้านนอกเข้ามาทำงานอยู่เมืองหลวง หลายปีดีดักไม่ได้ติดต่อหรือแวะกลับบ้านจนกระทั่งพาว่าที่ลูกสะใภ้ไปให้คุณแม่ดูตัว พบขาข้างซ้ายที่คอยหาเลี้ยง-ส่งเสริมเริ่มแสดงอาการเจ็บป่วยอย่างเห็นได้ชัดจึงตั้งใจเก็บเงินไว้เป็นค่ารักษา แต่สุดท้ายความตั้งใจก็ยังคงไม่ส่งผลเพราะมีเหตุให้ต้องเลื่อนความตั้งใจนี้ลงไป** อย่าเหลียวกลับมาดูดายต่อเมื่อท่านจากไป - มันไม่มีความหมายให้เรียกกลับมา **
- ถ้าผมเป็นพ่อ
เรื่องราวของลูกชายวัยรุ่นที่ถูกคุณพ่อเข้มงวดกวดขันว่าเป็นสิ่งไม่ดีและยังไม่ควรแก่เวลาแต่คุณย่าก็เล่าว่าตอนพ่ออายุเท่าผม - ท่านก็หนีไม่พ้นเรื่องราวเหล่านี้หยิกแกมหยอกได้น่ารักดี โดนตรงที่เรื่องเดียวกันแต่ต่างวาระที่ท่านไม่อยากให้ทำเพราะว่าท่านเคยทำมาก่อนหรือจำตอนที่มีความรู้สึกนั้นไม่ได้
- ด่าน
เรื่องราวของช่างทาสีสองคน คนหนึ่งโสด ส่วนอีกคนมีคู่แล้วคนที่มีคู่ตั้งใจจะหาเงินไว้ดาวน์รถให้หวานใจ แต่ก็โดนหนุ่มโสดยุยงให้ปลดปล่อยความกำหนัดดีที่นายจ้างคอยเตือนสติ พออนิจจาเมื่อเหล้าเข้าปากสติก็ขาดความตั้งใจก็เลยหาย
- คืนเหน็บหนาว
หนุ่มหล่อผู้เป็นที่หมายปอง กับครอบครัวที่หลายคนเมื่อดูจากภายนอกก็บอกว่าอิจฉาแต่สิ่งที่เห็นมันต่างจากสิ่งที่เป็น เมื่อหน้าตาภายนอกไม่ได้การันตีว่าภายในจะดีเช่นที่เห็นสุดท้ายสิ่งที่ผู้คนอิจฉา แม้ว่าจะได้มาแต่ก็ไม่เหลือไว้ให้ครอบครอง
- ดอกเลือด
นักเขียนบทผู้รับหน้าที่พ่อ ที่ต้องการบ่มเพาะให้ลูกเติบโตมาอย่างที่ต้องการเหมือนกับความรู้สึกของพ่อแม่สมัยใหม่ที่อยากให้ลูกได้ดีแต่ก็ยังห่วงนั่นห่วงนี่เลี้ยงลูกตามตำรา เอาใจใส่ให้ความดูแลอย่างใกล้ชิด แต่สิ่งเหล่านั้นมันไม่ได้ซึมซับเข้าไปอย่างที่ใจคิด เพราะการเลี้ยงดูมันต้องไปควบคู่กับการรับรู้ สักแต่ป้อนแต่ไม่เคยถาม เอาแต่ยัดเยียดไม่เคยรับรู้ว่าเขาต้องการหรือไม่สุดท้ายการเอาใจใส่ก็เหมือนกับศูนย์เปล่า
- ผู้เข้าใจ
เมื่อเพื่อนเก่าสองคนต่างบังเอิญโคจรมาพบกันคนหนึ่งตกงานไม่ต้องการพูดเรื่องราวของตัวเอง แต่อีกคนก็ยังซักไซร้ไล่เลียงเอาแต่ถามคนหนึ่งดูเหมือนจะเข้าใจไปซะทุกคน มองทะลุปรุโปร่งไปซะทุกอย่างแต่อีกคนกลับไม่ได้เข้าใจใคร นอกจากเข้าใจตัวเองแต่สุดท้ายคนที่ไม่เคยเข้าใจใครกับย้อนถามว่าแล้วนายเข้าใจตัวเองหรือเปล่า ??
- ครอบครัวกลางถนน
ท่ามกลางเมืองหลวงที่ต้องแข่งขัน ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบมีเวลาอยู่บนถนนมากกว่าอยู่ในบ้าน ใช้เวลากับพวงมาลัย ซีดีและไฟแดงมากกว่าคนในครอบครัวสะท้อนมุมมองชีวิตที่รีบเร่ง นัดบ่าย 3 ออกจากบ้านตั้งแต่ 10 โมงจึงทำให้รถกลายเป็นสิ่งจำเป็นเพราะมันเหมือนบ้านหลังที่สองที่ต้องใช้ชีวิตอยู่บนนั้นตั้งแต่พูดคุยกัน กินข้าว เข้าห้องน้ำยันกระทั่งมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง
- อิสรภาพ
ชีวิตลูกจ้างที่มีชะตากรรมอยู่บนคำสั่งและตัดสินของนายจ้างเมื่อผลประโยชน์ขาดหายแม้เพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับอย่างมหาศาลแต่ลูกจ้างก็คือลูกจ้าง อิสรภาพจะมาก็ต่อเมื่อนายจ้างมองข้ามไป
- มีดของนาย
ธุรกิจกับผลประโยชน์จัดว่าเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออกดังนั้นนักธุรกิจนอกจากจะวางแผนธุรกิจยังต้องวางหมากถือมีดประจำกายหาช่องทางกอบโกย ผลักภาระถึงจะสมกับคำว่านักธุรกิจและผู้รับผลประโยชน์ตัวจริง
- มโนกรรม
ความคิดเป็นสิ่งน่ากลัว ทำให้เราทุกข์ใจและสบายใจได้เพียงเพราะความคิดคนเราจะไว้ใจใครได้ก็ต้องดูที่ความคิด คิดเหมือนกันทำคล้ายกันจัดเป็นพวกเดียวกันแต่ถ้าความคิดแปลกแตกต่างท่ามกลางวงล้อมความคิดอื่น ความทุกข์เท่านั้นที่หาเจอ
- เทพธิดา
คนเรามักจะมองหาตามล่าสิ่งนำโชคดีเหมือนตามหาเทพธิดาให้คอยคุ้มครองคอยมองหาจากทุกหนแห่งแต่การมีโชคดีไม่ได้อยู่ไหนเลยนอกจากการกระทำและตัวเราเอง
- เสียหมา
รู้หน้าไม่รู้ใจ คนเราตัดสินได้ด้วยการกระทำและสิ่งที่เห็นแต่สิ่งที่เห็นจะมีความจริงหรือมีความเป็นไปได้หรือไม่ จะมีใครหน้าไหนสักกี่คนที่จะค้นหาที่มาและความเป็นไป ไม่ใช่เพียงแค่ตัดสินได้ด้วยตาตัวเอง
- เด็กหัวขี้เลื่อยกับกระดาษห่อหนังสือพิมพ์
บทนี้ขออภัยอ่านเท่าไหร่ก็ไม่สามารถรู้ได้ถึงสิ่งที่ผู้เขียนต้องการสื่อนอกจากเด็กชายผู้ไม่มีความเฉลียวฉลาด ขาดความสามารถทำงานในโรงพิมพ์กับเจ้าของและชายผู้หนึ่งที่วิจารณ์ผู้อื่นได้อย่างไม่ไว้หน้า

  เป็นหนังสือรางวัลสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซี่ยน (ซีไรต์) ของประเทศ ประจำปี 2536 ด้วยลีลาการเขียน การถ่ายอดทื่คมคาย ภาษาสละสลวยและเล่นกับตัวอักษรได้อย่างถึงอารมณ์

  แต่ละบทละครแฝงข้อคิดและปรัชญาผ่านบทบาทของครอบครัวในสังคมเมืองกรุงที่อยู่ในระดับและฐานะปานกลาง  มีบางบทที่ชื่นชอบและบางตอนที่ยอมรับว่าอ่านแล้วก็ไม่เข้าใจ พยายามอ่านซ้ำอ่านทวนก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี   ชอบตอนขาซ้ายของแม่และครอบครัวกลางถนน ถ่ายทอดได้ถึงอารมณ์และสร้างภาพจากตัวอักษรได้แจ่มชัด  ประหนึ่งตัวละครเคลื่อนไหวมีลมหายใจใช้ชีวิตอยู่ต่อหน้าเรา  แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังสือรางวัลซีไรต์และเป็นเรื่องราวสะท้อนสังคมที่จิกกัดได้แรง(ละมุน)จึงทำให้หนังสือเล่มนี้  จะบอกซะเต็มปากว่าอ่านง่ายก็ไม่ง่าย แต่จะบอกว่าอ่านยากก็ไม่ใช่ เอาเป็นว่าใครอยากดื่มด่ำกับความกลมกล่อมของชึวิตตัวละครผ่านตัวอักษรเล่มนี้ก็คงพอช่วยคุณฆ่าเวลาได้อย่างไม่ผิดหวังแน่นอน..



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น